ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก 2010

สูตรการคิดอัตราดอกเบี้ยทบต้น

FV     =    PV x (1 + i) n โดยที่ FV = มูลค่าเงินสะสมที่จะได้รับในอนาคต PV = มูลค่าปัจจุบันของเงินที่ออมไว้ในธนาคาร I = อัตราดอกเบี้ยทบต้นต่อปี n = ระยะเวลา หรือจำนวนงวดที่ได้ฝากไว้กับธนาคาร

อยากให้ช่วยอธิบายเรื่องการลงทุนในหุ้นอย่างง่ายๆให้ฟังหน่อยครับ

สนใจเรื่องการลงทุนในหุ้นครับ มีเงินเก็บอยู่หนึงแสน อยากให้มันงอกเงยมากกว่าฝากธนาคารกินดอก อยากทราบว่ามันแตกต่างกับเล่นหุ้นอย่างไรครับ ช่วยอธิบายและแนะนำทีครับ ขอบคุณครับ คำถามโดยคุณ ปลาทูสองเข่ง ความคิดเห็น 1 คุณจันทร์เย็น ลงทุนในหุ้น = มองหากิจการในตลาดหุ้นที่ดูดี ไว้ใจได้ มีอนาคต ถ้าพบแล้วก็ยื่นเงินไปให้เขายืม "เอาไป ผมให้ยืมนะ ร่วมหุ้นกันนะ ผมไว้ใจเฮียนะ ก้าวไปข้างหน้าด้วยกันนะ" เล่นหุ้น = แค่พยายามขายหุ้นให้แพงกว่าตอนซื้อ อย่างอื่นไม่สน ซื้อ สวดมนต์ ขาย จบ ความคิดเห็น 2 คุณสมาร์ท อินเวสเทอร์ ใส่เงินเข้าไป -----> ซื้อ, ขาย, เล่น, ลงทุน, Short, Long, ----> ในหุ้น = กำไร, ขาดทุน, เงินปันผล ความคิดเห็น 3 คุณ mibtrex เหมือนเราขึ้นรถไปซื้อลำไยมาจากตลาด(หลักทรัพย์) 10 บาทนะครับ เราคิดไว้ดีแล้วว่า ต่อไปลำไยจะขาดตลาด หรือคนอยากกินลำไยมาก ต่อไปถ้ามันเป็นอย่างที่เราคิด ลำไยราคาจะแพงขึ้น ถ้าเราซื้อมาเยอะ เราขายก็ได้กำไรเยอะ แต่ถ้าเราตกรถ ไปซื้อไม่ทัน ก็อดเอากำไรมาขาย แต่ถึงยังไง เราก็ต้องเสียค่ารถ(ค่าคอม) ตอนไปเอาลำไย แต่ ถ้าไม่มีคนอยากก

หนังสือที่นักลงทุนควรอ่าน

แนะนำโดยคุณ WindReturn Ten Books Every Investor Should Read “The Intelligent Investor ”(1949) by Benjamin Graham เบน จามิน แกรแฮม (บิดาแห่งนักลงทุนแนว VI) แนวคิดของเขาเกี่ยวกับการวิเคราะห์หลักทรัพย์ได้วางรากฐานให้กับนักลงทุน รุ่นต่อๆ มาซึ่งรวมถึงศิษย์เอกอย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์ หนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์ในปี 1949 อ่านเข้าใจได้ง่ายกว่าหนังสือ “Security Analysis” ที่แกรมแฮมเขียนขึ้นเมื่อปี 1934 หนังสือ Intelligent Investor ไม่ได้สอนวิธีการเลือกหุ้น แต่จะเป็นหลักการพื้นฐานที่นักลงทุนควรมี บัฟเฟตต์ได้ให้คำนิยมไว้ว่า “เป็นหนังสือการลงทุนที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีการเขียน” “Common Stocks and Uncommon Profits”(1958) by Philip Fisher นัก วิเคราะห์ทางการเงินยุคบุกเบิกอีกคนคือ Philip Fisher เป็นผู้มีอิทธิพลอย่างมากต่อทฤษฏีการลงทุนสมัยใหม่ แนวคิดพื้นฐานของการวิเคราะห์หุ้นตั้งอยู่บนแนวโน้มการเจริญเติบโตของธุรกิจ หนังสือเล่มนี้ได้แนะนำนักลงทุนให้วิเคราะห์คุณภาพของบริษัทและความสามารถใน การทำกำไร หลังจากตีพิมพ์ครั้งแรกในทศวรรษ 1950 บทเรียนของฟิชเชอร์ถูกนำมาประยุกต์ใช้อย่างแพร่หลายตลอดช่วงครึ่งศตว

มือใหม่เล่นหุ้น : คำย่อ

เขียนโดย คุณ CCAIS เครื่องหมายเอช (H) เครื่องหมายนี้ย่อมาจาก halt trade ตลาดหลักทรัพย์ติดเครื่องหมายนี้ไว้บนหลักทรัพย์เพื่อแสดงให้ผู้ลงทุนทราบ ว่า หลักทรัพย์ดังกล่าวอยู่ระหว่างถูกห้ามซื้อขายสำหรับช่วงเวลาการซื้อขายรอบ นั้น ตลาดหลักทรัพย์จะขึ้นเครื่องหมาย H แก่หลักทรัพย์ที่ปรากฏว่า มีเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นกับบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์นั้นในระหว่างเวลา ซื้อขายรอบดังกล่าว และอยู่ระหว่างรอการเปิดเผยข้อมูล ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดเผยได้ทันที เครื่องหมายเอ็นพี (NP) เครื่อง หมายนี้ย่อมาจาก Notice Pending ตลาดหลักทรัพย์ติดเครื่องหมายนี้ที่หลักทรัพย์เพื่อแสดงให้ผู้ลงทุนทราบว่า ณ เวลาขณะนั้นตลาดหลักทรัพย์กำลังรอคำชี้แจงหรือรายงานข้อมูลเพิ่มเติม จากบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ดังกล่าว หรือกำลังรอการเปิดเผยงบการเงินหรือรายงานอื่นใดที่บริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ ดังกล่าวจะต้องรายงานตามเวลาที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนด เครื่องหมายเอ็นอาร์ (NR) เครื่อง หมายนี้ย่อมาจาก notice received ตลาดหลักทรัพย์จะติด NR ไว้บนหลักทรัพย์ที่เพิ่งถูกถอนเครื่องหมาย NP เพื่อแจ้งให้ผู้ลงทุนทราบว่าตลาดหลักทรัพย์ได้รับแจ้งข้อมูลข่าวสารหรือ ราย

ขอถามหน่อยนะคะ ถ้าเปิดพอร์ททิ้งไว้แต่ไม่มีคำสั่งซื้อขาย จะมีอายุพอร์ทมั๊ยคะ

ขอถามหน่อยนะคะ ถ้าเปิดพอร์ททิ้งไว้แต่ไม่มีคำสั่งซื้อขาย จะมีอายุพอร์ทมั๊ยคะ หรือจะมีค่าดูแลรักษาพอร์ทเท่าไหร่คะ (เหมือนธนาคาร ถ้าบัญชีไม่เคลื่อนไหวใน 1ปีก็ต้องมีค่าธรรมเนียม) ถ้าสมัครจะต้องมีเงินอยู่ในพอร์ทเริ่มแรกเท่าไหร่คะ จากคุณ : 8omujfu ตอบ โดยปกติบัญชีไม่เคลื่อนไหว ไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมนะครับไม่ว่าจะนานแค่ไหน และไม่มีค่าดูแลรักษาพอร์ตด้วยครับ แต่ถ้าไม่มีการสั่งซื้อขายนาน ๆ ทางมาร์ฯ อาจจะปรับลดวงเงินของคุณลงมาก็ได้ครับ ถ้า คาดว่าเปิดบัญชีเอาไว้นาน ๆ ซื้อขายสักหน ให้เปิดบัญชีเงินฝาก (Cash Balnace) ไว้อย่างเดียวพอครับ ถ้าเราไม่ฝากเงินเข้าในบัญชีก็ไม่ปัญหาอะไรครับ

ถ้าเรามีใบหุ้นแล้วต้องการเอาเข้าพอร์ตล่ะทำอย่างไร

ถ้าเรามีใบหุ้นแล้วต้องการเอาเข้าพอร์ตล่ะทำอย่างไร โดย red_devil ถ้า คุณมีพอร์ตและต้องการเอาใบหุ้นมาเข้าพอร์ตเผื่อขาย หรือเพื่อเป็นอะไรก็ตาม สามารถทำได้โดยนำใบหุ้นนั้นเซ็นต์สลักหลังในช่องผู้โอน แล้วนำไปเข้าพอร์ตได้เลยครับคนที่เซ็นต์สลักหลังต้องเป็นคนที่มีชื่อเป็น เจ้าของใบหุ้นนะครับ อย่างเช่นถ้าเพื่อนคุณต้องการเอาใบหุ้นมาฝากในพอร์ตคุณเพื่อขาย ต้องให้เพื่อนคุณเซ็นต์สลักหลังนะครับไม่ใช่คุณเซ็นต์ แล้วก็เอาเข้าพอร์ตชื่อคุณได้ครับ แต่ทางที่ดี ใครก็ตามที่ต้องการเอาใบหุ้นเข้าพอร์ตเพื่อขายหรือทำอะไรก็ตาม ไปเปิดพอร์ตเองเถอะครับ จะได้ไม่มีปัญหาทีหลังเปิดพอร์ตก็ไม่ยาก เสียค่าธรรมเนียมเพียง 30 บาท วิธีการเปิดบัญชีดูได้ในกระทู้เก่าครับ

เมื่อเราซื้อหุ้นแล้วต้องการโอนหุ้น เราทำอย่างไร

เมื่อเราซื้อหุ้นแล้วต้องการโอนหุ้น เราทำอย่างไร โดย red_devil เมื่อ คุณได้ซื้อหุ้นเข้าไปในพอร์ตของคุณแล้ว และต้องการโอนหุ้นตัวนั้นไปที่อื่น หรือต้องการถือเป็นใบหุ้น สามารถทำได้นะครับ เพียงแต่ว่าหุ้นที่คุณต้องการจะโอนหรือออกเป็นใบหุ้นนั้น ต้องชำระราคาค่าหุ้นเรียบร้อยแล้วนะครับ ง่าย ๆ ว่านับจากวันที่ซื้อไป 4 วันทำการถ้าคุณไม่ได้ค้างชำระค่าหุ้น แปลว่าคุณได้ชำระค่าหุ้นเรียบร้อยแล้วครับ มาดูกันเป็นข้อ ๆ ครับ 1. โอนหุ้นไปอีกบัญชีหนึ่ง โดยที่อยู่ในโบรกเกอร์เดียวกัน ไม่ว่าชื่อผู้รับจะเป็นใคร การโอนตรงนี้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ครับ เช่น ถ้าคุณต้องการโอนหุ้นไปให้เพื่อนคุณ โดยที่คุณมีบัญชีอยู่ที่กิมเอ็ง และเพื่อนคุณก็มีบัญชีอยู่ที่กิมเอ็งเช่นกัน ตรงนี้จะไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ครับ เพียงแค่คุณเซ็นต์เอกสารการโอนที่โบรกเกอร์ให้มา ทางที่ดีให้คุณกรอก ชื่อหุ้น, จำนวน และ ชื่อบัญชีเพื่อนคุณด้วยตัวเอง ไปเลยครับ จะได้ไม่มีปัญหา 2. โอนหุ้นไปอีกบัญชีหนึ่ง โดยทีบัญชีนั้นอยู่คนละโบรกเกอร์ อันนี้ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการโอนแล้วล่ะครับ ไม่ว่าบัญชีผู้รับโอนจะเป็นชื่อเดียวกับคุณหรือไม่ก็ตาม ซึ่งตรงนี้ค่

Warrat & Derivative Warrant

Warrat & Derivative Warrant โดย red_devil มาทำความเข้าใจกับความเหมือนและความแตกต่างของ 2 ตัวนี้กันครับว่าเป็นอย่างไร สองตัวนี้ถือเป็นวอร์แรนท์เหมือนกันครับ Warrant เป็น ใบสำคัญแสดงสิทธิ์ที่ใช้แปลงเป็นหุ้นสามัญที่บริษัทเจ้าของหุ้นเป็นผู้ออก เองครับ สมมุติเช่นถ้า SCB เป็นผู้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ์ เราก็จะเรียกว่าวอร์แรนท์ครับ ซึ่งในตัววอร์แรนท์นั้นจะต้องประกอบด้วยรายละเอียดที่ผมเคยได้กล่าวไว้ใน กระทู้เก่าก่อนหน้านี้แล้วว่ามีอะไรบ้าง และในการออกวอร์แรนท์นั้นทางบริษัทจะต้องออกหุ้นเพิ่มทุนเวลาที่มีการแปลง สภาพเข้ามาเป็นตัวหุ้นสามัญครับ Derivative Warrant เป็น ใบสำคัญแสดงสิทธิ์ที่ผู้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ์ไม่ใช่บริษัทเจ้าของหุ้นครับ อย่าง BCP-DR1 กระทรวงการคลังเป็นผู้ออก ไม่ใช่บริษัท BCP เป็นผู้ออก และ PTT13CA, KBAN13CA เป็นบริษัทหลักทรัพย์ KGI เป็นผู้ออก ไม่ใช่ทาง PTT และ KBANK เป็นผู้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ์ และการออก Derivative Warrant นั้น จะไม่มีการเพิ่มทุนเพื่อรองรับการแปลงสภาพครับ เมื่อผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิ์ต้องการจะแปลงสภาพ ทางบริษัทผู้ออกนั้นจะไปซื้อหุ้นในตลาด (ซึ่งมีอยู่

เข้าใจในบัญชีต่าง ๆ ที่ใช้เทรดหุ้น

โดย red_devil เข้าใจในบัญชีต่าง ๆ ที่ใช้เทรดหุ้นครับ ใน ที่นี้ผมขอบอกรายละเอียดเกี่ยวกับบัญชีเงินสด และบัญชีเงินฝากเท่านั้นนะครับ สำหรับบัญชีมาร์จิ้นนั้นค่อนข้างจะยุ่งยากและผมมองว่าคนที่เทรดในบัญชีมาร์ จิ้นคงจะไม่ใช่มือใหม่แน่ ๆ ครับ 1. บัญชีเงินสด (Cash) ถ้าเปรียบเป็นบัญชีธนาคาร บัญชีเงินสดก็คือบัญชีบัตรเครดิตนั่นเองครับ ซึ่งหลักการในการพิจารณาวงเงินก็จะคล้าย ๆ กับที่ทางธนาคารพิจารณาเครดิตให้กับคุณนั่นแหละครับ โดยจะพิจารณาจากหลักทรัพย์ต่าง ๆ และข้อมูลทางการเงินต่าง ๆ ของคุณครับ โดยเมื่อพิจารณาได้วงเงินมาแล้วก็จะเป็นวงเงินสำหรับคุณในการซื้อหุ้นในระยะ เวลา 3 วันทำการครับ (สักครู่จะอธิบายครับว่าหลักการเป็นอย่างไร) และบัญชีเงินสดนี้คุณจะต้องมีการทำ ATS ไว้กับธนาคารต่าง ๆ ด้วยครับ เวลามีการซื้อหรือขาย จะนำเงินค่าขายและตัดค่าซื้อผ่านบัญชีธนาคารของคุณครับ (อันนี้ต้องทำครับหลีกเลี่ยงไม่ได้) หลังจากได้วงเงินมาแล้ว คุณจะซื้อหุ้นได้ก็ต่อเมื่อ นำหลักประกันมาวางไว้ครับโดยคิดหลักประกันเป็น 15% ของวงเงินที่คุณจะซื้อหุ้นได้ใน 3 วันครับ งงกันมั้ยครับ ตัวอย่าง ถ้าคุณได้วงเงินในบัญชีเงินสด 1,

กระทู้สำหรับนักลงทุนมือใหม่ โดยเฉพาะครับ (ภาค 1)

ยากจะตั้งกระทู้เพื่อรวบรวมข้อมูลที่มือใหม่ต้องการ ทราบเกี่ยวกับการลงทุนในตลาดหุ้นครับผม เพราะบางทีเจอคำถามบ่อย ๆ ที่นักลงทุนหน้าใหม่ ๆ เข้ามาถามกันบ่อยครับผม ท่านใดเห็นว่าข้อมูลตรงไหนไม่ถูกต้องอย่างไร ก็ช่วยกรุณาบอกด้วยนะครับ (แหล่งข้อมูลคือ ตัวผมเองครับ ฮ่าฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่า) อาจจะมีผิดพลาดบ้าง โดย red_dev --------------------------------------------------------- คำถามแรกครับ ถ้าต้องการเล่นหุ้นต้องทำอย่างไร ก่อน อื่นถ้าต้องการเล่นหุ้น ต้องมีบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ครับ คล้าย ๆ กับเราไปเปิดบัญชีกับธนาคารนั่นแหละครับ มีโบรกเกอร์หรือนายหน้าหลายแห่งที่ให้บริการผู้ลงทุนอยู่ครับ ซึ่งตรงนี้ โดนบังคับเลยครับว่าต้องเปิดบัญชีหลักทรัพย์ผ่านโบรกเกอร์ที่ได้รับอนุญาต เท่านั้น อยู่ ๆ จะไปเปิดบัญชีเทรดกับตลาดหลักทรัพย์เอง ไม่ได้ครับ โดยเอกสารที่จำเป็นสำหรับการเปิดบัญชีทั่ว ๆ ไปก็คือ - สำเนาบัตรประชาชน - สำเนาทะเบียนบ้าน - เอกสารแสดงฐานะทางการเงิน (เพื่อให้โบรกเกอร์ทราบว่า ฐานะทางการเงินของเราเป็นอย่างไร, สมควรได้วงเงินในการเทรดเท่าไหร่ครับ) - สมุดบัญชีธนาคารออมทรัพย์ (เพื่อใช้ชำระเงินค่าซื้อ แ

ถ้าผมอยากเล่นหุ้น ผมต้องเริ่มจากตรงไหนก่้อน จะต้องทำอย่างไรบ้าง

คือผมอยากเล่นหุ้นนะครับ การเล่นหุ้น มันมีอะไรบาง มันต้องทำอะไรบาง มือใหม่จริงๆ แต่ชอบทางด้านนี้ ตอนนี้ผมอายุ 20 เงินส่วนตัวมีประมาน 4 หมื่นบาท มันสามารถเล่นให้ได้กำไรอาทิตย์ละ หนึ่งพันห้า-สองพันบาทได้ไหมครับ (ถามแค่นี้ก้อเดี๋ยวไว้มาถามอีก)