เบนจามิน เกรแฮม บิดาของ Value Investment เขียนหนังสือ บทความ และสอนลูกศิษย์เกี่ยวกับการลงทุนมากมาย
ต่อไปนี้คือหลักการสำคัญๆ 10 ข้อ ที่ Value Investor ควรจดจำและพิจารณานำไปปฏิบัติ
ส่วนนักลงทุนก็คือคนที่ซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานของบริษัทและขายเมื่อหุ้นวิ่งขึ้นไปเกินมูลค่าที่แท้จริง
โดย EPS คือกำไรต่อหุ้น
ส่วน G คืออัตราการเจริญเติบโตของกำไรต่อหุ้นต่อปีโดยคิดเฉลี่ยไป 7 – 10 ปีในอนาคต
ตัวอย่างเช่น หุ้น ก. มีกำไรต่อหุ้นเท่ากับ 2 บาทและเราคาดว่ากำไรต่อหุ้นนี้จะโตปีละ 5% โดยเฉลี่ยตลอด 10 ปีข้างหน้า
มูลค่าของหุ้นจะเท่ากับ 2(8.5 + 2 X 5) หรือเท่ากับ 37 บาท
โลกในมุมมองของ Value Investor
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ขอบคุณบทความจาก http://www.sarut-homesite.net/2009/09/%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%94%E0%B8%B2-%E0%B8%94%E0%B8%A3-%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%A8%E0%B8%99/
ต่อไปนี้คือหลักการสำคัญๆ 10 ข้อ ที่ Value Investor ควรจดจำและพิจารณานำไปปฏิบัติ
=========================================
ข้อแรก จงเป็นนักลงทุนอย่างเป็นนักเก็งกำไร
=========================================
โดยคำจำกัดความของนักเก็งกำไรก็คือคนที่แสวงหากำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นโดยไม่ได้คำนึงถึงมูลค่าที่แท้จริงของกิจการส่วนนักลงทุนก็คือคนที่ซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานของบริษัทและขายเมื่อหุ้นวิ่งขึ้นไปเกินมูลค่าที่แท้จริง
=============================================
ข้อสอง การคำนวณหามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ
=============================================
มีสูตรคือ มูลค่าของหุ้น = EPS (8.5 + 2 X G)โดย EPS คือกำไรต่อหุ้น
ส่วน G คืออัตราการเจริญเติบโตของกำไรต่อหุ้นต่อปีโดยคิดเฉลี่ยไป 7 – 10 ปีในอนาคต
ตัวอย่างเช่น หุ้น ก. มีกำไรต่อหุ้นเท่ากับ 2 บาทและเราคาดว่ากำไรต่อหุ้นนี้จะโตปีละ 5% โดยเฉลี่ยตลอด 10 ปีข้างหน้า
มูลค่าของหุ้นจะเท่ากับ 2(8.5 + 2 X 5) หรือเท่ากับ 37 บาท
===============================
ข้อสาม จงรู้ว่ากิจการมีราคาเท่าไร
===============================
สิ่งนี้ทำได้โดยเอาราคาหุ้นคูณด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมดที่มีอยู่หรือที่จะมีเนื่องจากการแปลงสภาพหรือใช้สิทธิของวอแรนต์ พูดง่ายๆ ก็คือถ้าเราจะเป็นเจ้าของกิจการทั้งหมดคนเดียวจะต้องจ่ายเงินซื้อในราคาเท่าไร
=====================================================
ข้อสี่ จงตระหนักว่าเราไม่สามารถคำนวณมูลค่าที่แท้จริง
ได้อย่างแม่นยำ
ได้อย่างแม่นยำ
=====================================================
เพราะฉะนั้นจะต้องมีการ “เผื่อ” การผิดพลาดหรือจะต้องมี Margin of Safety ในการซื้อหุ้น นั่นก็คือต้องซื้อหุ้นที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่คำนวณได้ไม่ต่ำกว่า 20%
======================================
ข้อห้า ต้องกระจายความเสี่ยงในการลงทุน
======================================
เม็ดเงินที่จะลงทุนในหุ้นควรจะอยู่ระหว่าง 25 ถึง 75 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือควรเป็นพันธบัตรหรือเงินสดขึ้นอยู่กับภาวะตลาดว่าหุ้นมีค่า PE ของตลาดสูงหรือต่ำหรือมีการจ่ายปันผลสูงหรือต่ำเทียบกับอัตราดอกเบี้ยของพันธบัตร การซื้อหุ้นเองก็ควรซื้อหุ้นกระจายอย่ามีหุ้นที่ “หนักพอร์ต” ควรมีหุ้นอย่างน้อย 30 ตัว (คำสอนข้อนี้จะแตกต่างจากแนวของ วอเร็น บัฟเฟตต์ ที่ถือหุ้นน้อยตัวกว่ามาก)
==================================================
ข้อหก หุ้นที่จ่ายปันผลต่อเนื่องยาวนานจะมีความเสี่ยงต่ำ
==================================================
คำว่ายาวนานสำหรับเบน เกรแฮม คือ 20 ปีขึ้นไป เขาเห็นว่าการดูแลผู้ถือหุ้นที่ดีที่สุดก็คือการที่บริษัทจ่ายปันผลในอัตราที่เหมาะสมให้กับผู้ถือหุ้น ส่วนบริษัทที่จ่ายปันผลน้อยนั้นนอกจากจะทำให้ผู้ถือหุ้นขาดรายได้จากการลงทุนแล้ว ราคาหุ้นยังมักจะไม่ค่อยวิ่งไปไหน
=====================================
ข้อเจ็ด เมื่อเกิดความสงสัยให้ยึดคุณภาพ
=====================================
เพราะบริษัทที่มีกำไรดี มีการจ่ายปันผลแน่นอนสม่ำเสมอ มีหนี้น้อย มีค่า PE ที่สมเหตุผลจะปลอดภัยกว่าหุ้นที่มีคุณภาพต่ำ เบนเกรแฮมพูดว่า นักลงทุนจะไม่ผิดพลาดหรือเจ็บตัวหนักจากการซื้อหุ้นคุณภาพดีในราคาที่ยุติธรรม แต่เขาจะเสียหายมากจากการซื้อหุ้นเน่าโดยเฉพาะที่ถูกปั่นทำราคาด้วยวิธีการต่างๆ และบ่อยครั้งอยู่เหมือนกันที่เขาตัดสินใจผิดพลาดโดยการไปซื้อหุ้นของกิจการที่ดีแต่ไปซื้อในช่วงที่ตลาดบูมเป็นกระทิงเปลี่ยวซึ่งทำให้ราคาหุ้นสูงขึ้นไปถึงยอดดอย
=================================
ข้อแปด ระวังตัวเลขข้อมูลจากบริษัท
=================================
เนื่องจากข้อมูลกำไรของบริษัทและการคาดการณ์ผลการดำเนินงานในอนาคตเป็นสิ่งที่จะทำให้ราคาหุ้นวิ่ง ดังนั้น ข้อมูลเหล่านี้อาจจะถูกตกแต่งให้ดูดีกว่าความเป็นจริง หรือสร้างภาพให้ดีเกินกว่าที่จะเป็นไปได้ ดังนั้นก่อนที่จะลงทุนซื้อหุ้น ควรศึกษาให้ลึกซึ้งเสียก่อนว่าอะไรเป็นอะไร
===============
ข้อเก้า จงอดทน
===============
เบน เกรแฮม พูดว่า นักลงทุนทุกคนควรเตรียมตัวเตรียมใจในการรับกับภาวะที่ตลาดตกต่ำในบางช่วงเวลาสั้นๆ ปีหรือสองปี ซึ่งเขาอาจจะขาดทุน “เป็นตัวเลข” แต่ถ้าเขาไม่ขายและถือหุ้นต่อไป เขาก็มักจะได้เงินคืน โดยทั่วไปแล้วถ้าถือหุ้นตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป โอกาสได้กำไรในอัตราที่เหมาะสมจะมีสูง
=================================
ข้อสิบ คิดเอง อย่าซื้อขายหุ้นตามแห่
=================================
เบนบอกว่ามีเงื่อนไขสองประการในการที่จะประสบความสำเร็จในตลาดหุ้น ข้อหนึ่งคือคุณจะต้องคิดอย่างถูกต้อง และข้อสองคุณจะต้องคิดเอง อย่าเชื่อคนอื่น
คำสอนของเบน เกรแฮม มีมานานแล้ว สานุศิษย์ของเบน เกรแฮม ที่ประสบความสำเร็จสูงต่างก็นำมาประยุกต์ใช้และแนะนำสั่งสอนนักลงทุนรุ่นใหม่ต่อกันมานานจนหลายๆ เรื่องเราคิดว่าเป็นความคิดของคนที่พูด แต่เมื่อศึกษาย้อนกลับไปจะพบว่าพื้นฐานนั้นมาจากหนังสือหรือคำสอนของเบน เกรแฮม ที่อาจจะ “ซึม” เข้าไปอยู่ในความคิดของลูกศิษย์อย่างไม่รู้ตัว
======================================
คำสอนสิบข้อนี้เป็นเพียงบางส่วนเท่านั้นใน “คัมภีร์ไบเบิล”
จากศาสดาที่ชื่อว่า เบน เกรแฮม
benjamin-graham
คำสอนของศาสดาโลกในมุมมองของ Value Investor
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ขอบคุณบทความจาก http://www.sarut-homesite.net/2009/09/%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%94%E0%B8%B2-%E0%B8%94%E0%B8%A3-%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%A8%E0%B8%99/
ความคิดเห็น